ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ จากนักเตะหมดอนาคตสู่ผู้จัดการทีมหนุ่มอนาคตไกล

You are currently viewing ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ จากนักเตะหมดอนาคตสู่ผู้จัดการทีมหนุ่มอนาคตไกล

เตรียมการแข่งขันฟุตบอลนั้นไม่สามารถเล่นได้ด้วยตัวคนเดียวโดยพื้นฐานแล้วนั้นจะประกอบไปด้วยผู้เล่นฝั่งละ 11 คนด้วยกัน

นอกจากนี้ยังต้องมีผู้เล่นตัวสำรองและผู้ทำหน้าที่กรรมการ อย่างไรก็ตามสำหรับทีมฟุตบอลระดับอาชีพนั้น ย่อมต้องมีทั้งทีมงานเบื้องหลังคอยดูแลนักเตะ และบุคคลที่สำคัญที่สุดอีกคนหนึ่งนั่นก็คือหัวหน้าโค้ชผู้ฝึกสอนหรือ ผู้จัดการทีม ซึ่งหนึ่งในผู้จัดการทีมที่เราจะมาบอกเล่าให้ท่านได้รู้จักกันนั่นก็คือ “ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์”

ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์

ชายที่ชื่อ “ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์” เป็นผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ที่แฟนบอลยุโรปน่าจะรู้จักกันดีในฐานะผู้จัดการทีมชาติเยอรมันที่พาทีมสู้ศึกยูโร 2024 ที่ผ่านมา หากแต่ใครจะรู้บ้างว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เขานั้นเขาฝ่าฟันอุปสรรคมามากเพียงใด โดยในช่วงวัยเด็กเขาถือเป็นนักเตะเยาวชนของ “ทีม 1860 มิวนิค” ก่อนจะถูก “ทีมเอาส์บวก” ดึงตัวไปในปี 2007 อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเป็นนักเตะของเขาก็ต้องมาเลิกลาไปในตอนที่เขาอายุได้เพียง 19 ปีเท่านั้น เหตุผลก็เพราะการเกิดอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรงจนไม่สามารถเล่นฟุตบอลในฐานะนักเตะอาชีพได้อีก เปรียบดังฝันร้ายของผู้ที่เคยใฝ่ฝันว่าจะได้มีโอกาสค้าแข้งในฐานะนักเตะอาชีพในอนาคตเรียกได้ว่าหมดอนาคตจากวงการฟุตบอลไปเลย หากแต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ก็ยังคงไม่ยอมแพ้กับวงการฟุตบอลเขาหันไปเรียนทางด้านการบริหารรวมทั้งวิทยาศาสตร์การกีฬา ทุ่มเทศึกษาจนกระทั่งได้ไลน์เซนส์ในฐานะโคชผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตบอลได้ในที่สุด นอกจากนี้แท้จริงแล้วหลังจากที่เขาจำเป็นต้องหยุดอาชีพนักเตะของตนเองเอาไว้ในช่วงปีอายุ 20 ปี  เขาก็ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ช่วยทีมงานโค้ชของ “โทมัส ทูเคิล” ผู้จัดการทีมชื่อดังอีกคนหนึ่งของวงการฟุตบอล จากนั้นในปี 2015 ก็ได้มีโอกาสมาเป็นผู้จัดการทีมสำรองของ “ทีมฮอฟเฟนไฮม์”

ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์

และดวงคนจะดังก็ช่วยไม่ได้เมื่อในระหว่างฤดูกาลแข่งขันหนึ่งผู้จัดการทีมหรือหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมใหญ่ของฮอฟเฟนไฮม์ดันล้มป่วยหนักกะทันหันทำให้ทีมจำต้องเอา ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ มาช่วยคุมทีมขัดตาทัพ ซึ่งผลงานการพาทีมตะลุยศึกบุนเดสลีกาเยอรมันของเขาก็ดีพอสมควร จนกระทั่งทีมฟุตบอลทีมนี้ตัดสินใจให้เขาเป็นผู้จัดการทีมตัวจริงคนต่อไปของทีมฟุตบอลทีมใหญ่ด้วยวัยเพียง 28 ปี นั่นเอง และก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้มีโอกาสไปคู่ทีมฟุตบอลทีมใหญ่หลายทีมไม่ว่าจะเป็น “ทีมแอร์แบร์ ไลซิป” ในปี 2019 ตามมาด้วย “ทีมบาเยิร์นมิวนิค” ในปี 2021 และในที่สุดก็ได้มีโอกาสคุมทีมชาติเยอรมันในปี 2023